Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
Emas 5 tahun ke depan (2568-2574): akhir dari pergerakan harga yang tidak normal atau baru saja dimulai?
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ: ราคาทองคำพลิกโฉมหน้ากำลังเปลี่ยนไป
ไม่นานมานี้เอง ราคาทองคำได้ยอมรับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาจากก่อน เมื่อมูลค่าของโลหะมีค่านี้ทะลุขอบเขตจิตวิทยาของ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สิ่งนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นแค่การสั่นสะเทือนชั่วขณะในตลาด แต่เป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพฤติกรรมการลงทุนโลกแบบรากฐาน
นับจากช่วงต้นปี 2568 จนถึงกลางเดือนตุลาคม ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 66% ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป การไต่ระดับจาก 3,000 สู่ 4,000 ดอลลาร์ใช้เวลาเพียง 7 เดือน ต่างกับช่วงก่อนหน้าที่ใช้เวลา 14 เดือนเพื่อให้ราคาเพิ่มจาก 2,000 ไปยัง 3,000 ดอลลาร์
ภาพนโยบายระดับโลก: ทำไมจึงเกิดการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดทองคำในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นผลมาจากการพนันหรือสัญญาณเทพเจ้า แต่เป็นผลจากปัจจัยโมเมนตัมเชิงโครงสร้างหลายประการที่ทำให้ราคามีแนวโน้มขึ้น
การแตกแยกของความขัดแย้งทางการค้า: ความตึงเครียดระหว่างอเมริกาและจีนได้เข้าสู่ช่วงที่เรียกได้ว่าเป็น “สงครามการค้าขนาดใหญ่” โดยสัญญาณล่าสุดบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้ประกาศแผนการขึ้นค่าศุลกากรนำเข้าขึ้นไปถึง 100% สำหรับสินค้าจากผู้ค้ามหาอำนาจเอเชีย ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจแบบนี้ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกปรารถนาที่จะวิ่งหนีไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด
นโยบายการเงินแบบบรรเทาวิกฤต: ธนาคารกลางของสหรัฐฯ ได้อนุมัติการลดอัตราดอกเบี้ยชั้นต้นลง 0.25% ในเดือนกันยายน ด้วยการคาดการณ์ว่ามีการปรับลดเพิ่มเติมในช่วงหลัง การลดลงของอัตราผลตอบแทนจริงทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถืออย่างไร้ผลตอบแทนลดลง เป็นผลให้ทองคำดึงดูดใจนักลงทุนมากยิ่งขึ้น
การสะสมทองคำโดยหน่วยงานกลางของโลก: ธนาคารกลางต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในตลาดเกิดใหม่ ได้เพิ่มการสะสมอย่างน้อยกว่า 1,200 ตันต่อปี ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี การเคลื่อนไหวแบบนี้สะท้อนถึงกระบวนการลดการพึ่งพาดอลลาร์ (De-dollarization) ซึ่งเพิ่มความเร็วหลังจากเหตุการณ์อายัดสินทรัพย์ของรัสเซีย
กลยุทธ์การเงินของกลุ่มประเทศพลังใหญ่新興: มีการกระหึ่มข่าวเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัลโดยกลุ่มประเทศสำคัญ ซึ่งอาจมีทองคำหนุนหลัง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการท้าชิงตำแหน่งของสกุลเงินสตรองเดิมผู้ครอบงำ
สัญญาณจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่: ทองยังจะวิ่งต่อไป
องค์กรที่มีชื่อเสียงในวงการการเงิน ได้ปล่อยสัญญาณว่าเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดกึ่งกลาง
ธนาคารซัคส์จากวอลล์สตรีท: ปรับเป้าราคาทองคำขึ้นเป็น 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2569 การประเมินนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอุปสงค์ที่มักมายจากหน่วยงานกลางและการไหลเข้าของเงินทุนในกองทุนแสดงมูลค่า
ธนาคารยักษ์จากสวิส: ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารความมั่งคั่ง ได้ระบุไว้ว่า ทองคำมีลักษณะเด่นในการสะสมจากหน่วยงานกลางของโลกในระบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกันได้คาดการณ์ว่า มูลค่าของโลหะนี้อาจถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนสิ้นปี 2568
ปัจจัยเสี่ยงต่อราคา: ระวังสถานการณ์ลดลง
แม้ว่าแนวโน้มโดยรวมมีความเชิงบวก แต่มีสถานการณ์ที่อาจทำให้ราคาปรับตัวลงได้
การเจรจาพาณิชยการประสบความสำเร็จ: หากสหรัฐฯ และผู้ค้ามหาอำนาจเอเชียลงเอกสารเจรจาที่มีสัญญาณดี ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่ผลักดันให้นักลงทุนมองหาที่หลบภัยก็อาจลดลง
แรงกดดันจากการล้างกำไร: หลังจากราคาปรับตัวขึ้นเร็วมากเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ บางนักลงทุนอาจเริ่มทยอยรับรู้กำไร ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดดันด้านล่าง โดยเฉพาะเมื่อบ่งชี้ของมูลค่าสัมพัทธ์แสดงว่ามีการซื้อเกินจาก ความเป็นจริง
ความแข็งแกร่งของสกุลเงินอเมริกัน: ถ้ากิจกรรมเศรษฐกิจในสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าคาดการณ์ และหน่วยงานกลางของสหรัฐฯ ชะลอกำหนดการลดอัตราดอกเบี้ย สกุลเงินประจำประเทศอาจแข็งค่า ซึ่งจะกระทบราคาทองคำเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
แนวทางปฏิบัติจริงสำหรับผู้ซื้อขายในปัจจุบัน
กลับมามองที่การจัดการในระยะเวลาตอนนี้ เมื่อราคาทองคำได้ทะลุ 4,000 ดอลลาร์แล้ว ผู้ที่มีความสนใจในการช่วงชิงจาก การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถพิจารณาวิธีการต่อไปนี้
การรอจังหวะสั่นสะเทือนระยะสั้น: เนื่องจากการเพิ่มขึ้นนี้อย่างรวดเร็ว มีโอกาสที่จะมีช่วงปรับตัวลงชั่วคราวเพื่อสร้างฐานรองรับใหม่ ซึ่งผู้ลงทุนที่มีตัวตั้งใจ อาจลุกขึ้นและเข้าซื้อในช่วงนั้น
การยืนยันด้วยตัวบ่งชี้ปริมาณ: ก่อนที่จะเข้ามา ควรมองว่าปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือไม่เมื่อราคาเพิ่มขึ้น ปริมาณการซื้อขายที่สูง บ่งชี้ถึงความเห็นอกเห็นใจที่แท้จริงต่อมูลค่าของโลหะ
การกำหนดจุดการตัดขาดทุน: กำหนดระดับราคาที่ยินดีจะตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง
การตั้งเป้าหมายกำไร: แม้ว่าแนวโน้มจะยังเป็นขาขึ้น แต่ยังคงต้องมีเป้าหมายที่สมเหตุสมผลและยุติการแสดงออก ณ จุดนั้น
จากมุมมอง 5 ปีข้างหน้า: ราคาทองคำจะไปแค่ไหน
ถ้ามองไปข้างหน้า เมื่ออิทธิพลของการลดการพึ่งพาดอลลาร์ การขาดดุลอรรยเรียมประจำปีของสหรัฐฯ และการประมาณดอกเบี้ยต่ำในระยะยาว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ก็มีความเป็นไปได้ที่สูงว่าราคาทองคำจะสร้างแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 ปีถัดไป
บทคาดการณ์โดยธนาคารยักษ์ใหญ่ต่างระบุว่า ระดับ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจะถูกทำลายเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายทศวรรษปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ถืออย่างยาวนาน ตลาดนี้อาจมีโอกาสในการสะสมความมั่งคั่งผ่านทองคำในสัดส่วนที่สมเหตุสมผล
สำหรับประเทศไทยของเรา การคำนวณกลับมาจากราคาดอลลาร์ หมายความว่า ราคาทองแท่ง 96.5% อาจถึง 75,000-80,000 บาท ภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า
บทยุติ: การปรับตัวของราคาทองคำ ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย
ในขณะที่บทความนี้อธิบายแนวโน้มและปัจจัยต่างๆ สิ่งที่แน่นอนเพียงอย่างเดียวในตลาดคือการเปลี่ยนแปลง นักลงทุนที่กำลังพิจารณาเข้าไปในโลกของทองคำ ควรเตรียมใจไว้ว่า เดือนหน้า ปีหน้า หรือ 5 ปีข้างหน้า ตลาดนี้จะมีความเหวี่ยงแกว่ง
กุญแจสำคัญคือการทำความเข้าใจกับปัจจัยพื้นฐาน การวางแผนอย่างดี และการมีศาสตร์ด้านการจัดการความเสี่ยง ราคาทองคำอีก 5 ปีข้างหน้าจะไปถึงไหน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธนาคารกลางทั่วโลก ท่าทีทางการค้า และการเปลี่ยนแปลงของการเห็นแก่ตัวของนักลงทุน ทีเด็ดหลักของการเอาชนะในเกมนี้คือความอดทนและศึกษาวิทยา