Esta página pode conter conteúdo de terceiros, que é fornecido apenas para fins informativos (não para representações/garantias) e não deve ser considerada como um endosso de suas opiniões pela Gate nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Isenção de responsabilidade para obter detalhes.
As principais moedas com maior valor de mercado em 2025
ในโลกที่มีกว่า 180 ประเทศ ค่าเงินของแต่ละประเทศไม่ได้มีมูลค่าเท่ากัน บางสกุลเงินอาจแลกได้แค่ส่วนเศษของดอลลาร์ แต่บางสกุลเงินกลับมีอำนาจการซื้อที่แข็งแกร่ง เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ สาเหตุมาจากความเสถียรของเศรษฐกิจประเทศ นโยบายการเงิน และความต้องการใช้สกุลเงินนั้นในตลาดโลก บทความนี้มาวิเคราะห์ค่าเงินที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2568 พร้อมเปิดเผยว่าเหตุใดสกุลเงินเหล่านี้ถึงแข็งแกร่ง
ค่าเงินระดับท็อป 3: เจ้าของเศรษฐกิจน้ำมันสเตตัส
1. ดีนาร์คูเวต (KWD) - สกุลเงินที่มีมูลค่าสูงสุดโลก
นอกจากการเป็นประเทศน้ำมันรายใหญ่แล้ว คูเวตยังสนับสนุนสกุลเงินของตนให้มีมูลค่าสูง ปัจจุบัน 1 KWD สามารถแลกได้ถึง 3.26 USD ทำให้เป็นสกุลเงินที่มีอำนาจแลกเปลี่ยนมากที่สุดในโลก
คูเวตผลิตน้ำมันวันละประมาณ 3 ล้านบาร์เรล อยู่ในอันดับ 10 ของผู้ส่งออกน้ำมันโลก รายได้จากน้ำมันนี้ถูกใช้สร้างความมั่นคงของประเทศ กำลัง GDP ต่อหัว超过กว่า 20,000 ดอลลาร์ต่อปี นโยบายการเงินของคูเวตจึงเลือกตรึงมูลค่ากับตะกร้าสกุลเงินอ้างอิง เพื่อรักษาความเสถียรและให้สกุลเงิน KWD มีอำนาจการสนับสนุนจากสินทรัพย์โลหะมีค่า
2. ดีนาร์บาห์เรน (BHD) - สกุลเงินที่มีมูลค่าอันดับสอง
บาห์เรนก็เป็นอีกหนึ่งประเทศผู้ส่งออกน้ำมันแถบอ่าวเปอร์เซีย โดย 1 BHD = 2.65 USD ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ประเทศนี้ผูกมูลค่าสกุลเงินกับดอลลาร์สหรัฐโดยตรง
อัตราเงินเฟ้อของบาห์เรนอยู่ที่เพียง 0.8% ซึ่งต่ำมาก ทำให้สกุลเงิน BHD มีเสถียรภาพสูง แม้ว่าเศรษฐกิจไม่ได้พึ่งน้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่บาห์เรนยังพยายามสร้างความหลากหลายในฐานะศูนย์กลางการเงิน ส่งผลให้ GDP ต่อหัวประเทศนี้เกิน 20,000 ดอลลาร์ต่อปีเช่นกัน
3. เรียลโอมาน (OMR) - ประเทศผู้ส่งออกจำหน่ายเก่าแกร่ง
เรียลโอมาน (OMR) ถือเป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าอันดับสามเนื่องจาก 1 OMR = 2.60 USD ป้อมปราการทางการเงินของสกุลเงินนี้มาจากอุตสาหกรรมพลังงาน โอมานผลิตน้ำมันได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ในอันดับ 21 ของผู้ผลิตโลก
เศรษฐกิจโอมานขยายตัว 4.1% YoY ด้วยการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบัน OMR ก็ตรึงมูลค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถรักษาเสถียรภาพระยะยาว
สกุลเงินที่มีมูลค่าสูงอื่น ๆ
ดีนาร์จอร์แดน (JOD) - เศรษฐกิจไม่ใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ตาม 1 JOD = 1.41 USD ทำให้จอร์แดนติดอยู่ในท็อป 5 เศรษฐกิจ จอร์แดนมีข้อแตกต่างเป็นอย่างมาก - ไม่ได้พึ่งพาน้ำมันเหมือนเพื่อนบ้าน ระบบเศรษฐกิจเติบโต 2.7% YoY ขณะที่ GDP ต่อหัวอยู่ที่ 3,891 ดอลลาร์ต่อปี นั่นต่ำกว่าสามเท่าของประเทศน้ำมัน
แม้ว่าจอร์แดนขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมาหลายสิบปี แต่ประเทศยังคงมีเงินสำรองระหว่างประเทศ 13,533 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาเสถียรภาพของ JOD
ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) - มรดกทางการเงิน
1 GBP = 1.33 USD ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นสกุลเงินที่มีอายุประมาณ 1,200 ปี อังกฤษใช้เงินปอนด์มาตั้งแต่ยุคแองโกลแซกซอน ในช่วงศตวรรษที่ 18-19 มาตรฐานทองคำทำให้สกุลเงินนี้เป็นเกจวัดในการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศ
ปัจจุบัน เศรษฐกิจอังกฤษอยู่ในอันดับ 6 โลก คิดเป็น 3% ของ GDP โลก ลอนดอนเป็นศูนย์กลางการเงินชั้นนำสำเร็จ ภาคเทคโนโลยีมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 3 ของโลกรองจาก USA และจีน สกุลเงิน GBP จึงได้รับการยอมรับจากตลาดโลก
ฟรังก์สวิส (CHF) - โล่ของเสถียรภาพ
1 CHF = 1.21 USD ฟรังก์สวิสถูกใช้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นสกุลเงิน Safe Haven ที่นักลงทุนปลอดโปร่งใจเลือก เพราะกฎหมายกำหนดให้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ต้องสำรองทองคำขั้นต่ำ 40% เพื่อหนุนสกุลเงิน
ระหว่างวิกฤตหนี้ของกรีซ สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นที่หลบภัยของทุนไป่ากลาง ฟรังก์สวิสจึงแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จึงต้องออกมาแทรกแซงเพื่อสมดุลตลาด ปัจจุบัน CHF ยังคงครองตำแหน่งสกุลเงินที่นิยมใช้เก็บค่า (Reserve Currency) ของนักลงทุนสถาบัน
ปอนด์ยิบรอลตาร์ (GIP) และดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD)
ปอนด์ยิบรอลตาร์ (1 GIP = 1.33 USD) ใช้เฉพาะในดินแดนอังกฤษที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยตรึงอัตราแลกเปลี่ยน 1:1 กับปอนด์สเตอร์ลิง
ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (1 KYD = 1.20 USD) เป็นสกุลเงินของศูนย์กลางการเงินนอกชายฝั่งชั้นนำสำเร็จ ตั้งแต่ปี 1972 ตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 1.20 USD จนถึงปัจจุบัน
ยูโร (EUR) - สหภาพสกุลเงิน
1 EUR = 1.13 USD ยูโรเริ่มใช้เมื่อปี 2542 ตั้งเป็นสกุลเงินทั่วไปให้ 20 ประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปแบบยูโรโซน ในปลายทศวรรษ 2540 ยูโรแพงกว่าดอลลาร์สหรัฐมากหากดูจากจุดสูงสุด - ถึง 1 EUR = 1.6 USD ในปี 2551
ปัจจุบัน ยูโรเป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศอันดับสอง คิดเป็น 19.58% ของเงินสำรองกลาง และเป็น 29.31% ของตะกร้า SDR ของ IMF
ตารางเปรียบเทียบค่าแลกเปลี่ยน
สรุป: มูลค่าสูง ≠ ปลอดภัยเสมอไป
ค่าเงินที่มีมูลค่าสูงในปี 2568 นี้มาจากสองแหล่งหลัก - ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (คูเวต บาห์เรน โอมาน) และมหาอำนาจทางการเงินเสถียร (อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์)
หากนักลงทุนคิดจะถือสกุลเงินใดในพอร์ตโฟลิโอของตน ไม่ควรให้มูลค่าแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวเป็นตัวชี้วัด ต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของรัฐบาลผู้ออกสกุลเงิน ความเสถียรของเศรษฐกิจ และนโยบายการเงิน ตลาดการเงินโลกปีนี้ยังเฟ้นหางาน ระหว่าง USD ยูโรและ CHF ที่ยังเป็นตัวเลือกปลอดภัยของตลาด