Esta página pode conter conteúdo de terceiros, que é fornecido apenas para fins informativos (não para representações/garantias) e não deve ser considerada como um endosso de suas opiniões pela Gate nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Isenção de responsabilidade para obter detalhes.
Que tipos de instrumentos financeiros existem? Guia básico para iniciantes
เมื่อพูดถึงตราสารทางการเงิน หลายคนอาจรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ห่างไกล แต่ความจริงแล้ว มันคือพื้นฐานสำคัญของการลงทุนสมัยใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือสนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารเงินทุน การเข้าใจตราสารการเงินประเภทต่างๆ จะเปิดโลกใหม่ของโอกาสในการสร้างรายได้
ตราสารทางการเงินคืออะไร ให้เราเข้าใจมันให้ชัดเจน
ในแง่ที่ง่ายที่สุด ตราสารทางการเงิน คือเอกสารหรือสัญญาที่แสดงถึงสิทธิและความรับผิดชอบทางการเงีน ระหว่างฝ่ายที่ซื้อและฝ่ายที่ขาย ราคาของตราสารเหล่านี้ไม่ได้คงที่ แต่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาด สถานการณ์เศรษฐกิจ และอุปสงค์-อุปทานในแต่ละช่วงเวลา
เปรียบเทียบกับการซื้อหุ้น เมื่อคุณถือหุ้นของบริษัทแห่งหนึ่ง แปลว่าคุณเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทนั้น พอตัดสินใจซื้อพันธบัตร คุณก็ให้ยืมเงินแก่ผู้ออกตราสาร และรับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตอบแทน
จำแนกตราสารการเงิน: ซับซ้อนและไม่ซับซ้อน
ตราสารทางการเงินสามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ตามความเข้าใจและความเสี่ยง:
ตราสารที่ไม่ซับซ้อน: เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะโครงสร้างชัดเจนและเข้าใจง่าย เช่น หุ้น (Stocks) พันธบัตร (Bonds) เงินฝากประจำ (Fixed Deposits) และกองทุนรวม (Mutual Funds)
ตราสารที่มีความซับซ้อน: ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์มากขึ้น เช่น ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ออปชั่น (Options) ฟิวเจอร์ส (Futures) และตราสารหนี้แบบแปลงสภาพ (Convertible Bonds) ตราสารเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่อาจให้ผลตอบแทนมากเมื่อใช้ได้เหมาะสม
ประเภทตราสารทางการเงินที่คุณควรรู้
1. ตราสารทุน (Equity Securities)
หุ้น (Stocks): เมื่อซื้อหุ้น คุณจะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท มีสิทธิเข้าร่วมในการตัดสินใจสำคัญและได้รับส่วนแบ่งกำไรเป็นเงินปันผล หุ้นมีสองชนิดหลัก คือ หุ้นสามัญ (มีสิทธิออกเสียง) และหุ้นบุริมสิทธิ (ได้รับปันผลก่อนแต่ไม่มีสิทธิออกเสียง)
ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants): ให้สิทธิแก่ผู้ถือที่จะซื้อหุ้นในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. ตราสารหนี้ (Debt Securities)
พันธบัตร (Bonds): เป็นตราสารแสดงหนี้ที่รัฐบาลหรือบริษัทออก ผู้ถือได้รับดอกเบี้ยเป็นประจำ และเมื่อครบกำหนดจะได้รับเงินต้นคืน
หุ้นกู้ (Corporate Bonds): พันธบัตรที่ออกโดยบริษัทเอกชน เหมาะสำหรับผู้ต้องการรายได้สม่ำเสมอ
ตั๋วเงิน (Bills): เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น โดยทั่วไปไม่เกิน 1 ปี
3. ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives)
ฟิวเจอร์ส (Futures): สัญญาที่ผูกพันให้ซื้อขายสินทรัพย์ในอนาคตตามราคาที่ตกลงกัน นิยมใช้สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ทองคำ
ออปชั่น (Options): สัญญาที่ให้สิทธิ (ไม่ใช่บังคับ) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคต
สวอป (Swaps): การแลกเปลี่ยนกระแสเงินสดในอนาคต ระหว่างสองฝ่าย
4. ตราสารอื่นๆ ที่นิยม
กองทุนรวม (Mutual Funds): รวบรวมเงินจากผู้ลงทุนหลายคนเพื่อลงทุนในตราสารประเภทต่างๆ ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
ETF (Exchange Traded Funds): กองทุนที่ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ ติดตามดัชนีหรือกลุ่มสินทรัพย์
REITs (Real Estate Investment Trusts): บริษัทที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุน
ข้อควรระวังสำหรับผู้เริ่มต้น อย่าให้ความเสี่ยงกัดตัว
ก่อนที่จะลงเงินลงทุน มือใหม่ควรทำความเข้าใจบางเรื่องสำคัญ:
อย่ามองข้ามการศึกษา: ไม่รู้เรื่องของตราสารที่ลงทุน = การตัดสินใจไม่ดี เรียนรู้เกี่ยวกับแต่ละตราสาร ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา และวิธีวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
เริ่มเล็กเพื่อเรียนรู้: ไม่ต้องลงเงินจำนวนมากในครั้งแรก เลือกจำนวนเงินที่ยอมรับได้หากขาดทุน และไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
ระวังการใช้เลเวอเรจ (Leverage): การยืมเงินเพื่อเพิ่มพลังในการลงทุนนั้นเสี่ยงสูง เพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็เพิ่มโอกาสขาดทุนมากขึ้นด้วย ใช้เลเวอเรจต่ำเพื่อปกป้องตัวเอง
กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนทุกเงินในตราสารชนิดเดียว หากตลาดลดลง นักลงทุนที่มีพอร์ตหลากหลายจะเสียหายน้อยกว่า
ตารางเปรียบเทียบตราสารการเงินหลักๆ
ข้อดีและข้อจำกัด ตราสารทางการเงินมีทั้งสองด้าน
ข้อดี:
ข้อจำกัด:
จะเลือกตราสารทางการเงินให้ถูกต้องได้ยังไง
1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
2. ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3. พิจารณาระยะเวลาการลงทุน
ตราสารที่นิยมสำหรับการเทรด
สำหรับผู้ที่สนใจการเทรด (ซื้อขายแบบระยะสั้น) ตราสารทางการเงินที่นิยมได้แก่:
หุ้น: ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีโอกาสทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคา เหมาะสำหรับผู้ที่ศึกษาบริษัทอย่างถี่ถ้วน
ฟอเร็กซ์: เทรดสกุลเงิน ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง สภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับผู้วิเคราะห์ทางเทคนิค คู่เงินยอดนิยม เช่น USD/JPY EUR/USD USD/THB
ฟิวเจอร์ส: เทรดสินค้าโภคภัณฑ์เช่น น้ำมัน ทองคำ ช่วยบริหารความเสี่ยง
CFD (Contract for Difference): ตราสารอนุพันธ์ยอดนิยมในปัจจุบัน ช่วยเทรดจากการเคลื่อนไหวราคาโดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง สามารถใช้เลเวอเรจสูง เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เหมาะสำหรับเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา
ETF: กองทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้กระจายความเสี่ยงได้ง่าย ต้นทุนการเทรดต่ำ เหมาะสำหรับผู้ต้องการความมั่นคง
สรุป: ตราสารทางการเงินเปิดประตูสู่โลกการลงทุน
ตราสารทางการเงิน มีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและบริหารเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร ตราสารอนุพันธ์ หรืออื่นๆ แต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และศักยภาพที่ต่างกัน
ความสำคัญของการเข้าใจ ตราสารทางการเงิน คือการรู้ว่าเครื่องมือไหนเหมาะกับเป้าหมายของคุณ ศึกษาให้เข้าใจก่อนลงทุน เริ่มด้วยเงินจำนวนน้อย และจำไว้ว่า “การลงทุนที่ดีคือการลงทุนที่คุณเข้าใจจริงๆ” ด้วยการเลือกตราสารอย่างรอบคอบและการวางแผนที่ดี คุณสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและประสบความสำเร็จได้